คาถาเงินล้าน วัดท่าซุง
ตั้งนโม 3 จบ
สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ(คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม(คาถาเงินแสน)
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม(คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตพาหุหะติ(คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม(คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
สัมปะติจฉามิ(คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
เพ็งๆพาๆหาๆฤาๆ
*(บูชากี่จบก็ได้ ตัวคาถาต้องกล่าวทั้งหมด ข้อความอธิบายในวงเล็บไม่ต้องสวด)
(พรหมา-อ่านว่า พรม-มา)
(สวาโหม-อ่านว่า สะ-หวา-โหม)
................................................
คำอธิบาย-
หลวงพ่อได้คาถาบทเหล่านี้โดยตรงจากองค์สมเด็จฯ(องค์ปฐม)ตั้งแต่ปี 2517 เป็นเวลา 4 ปี จึงจะได้ครบถ้วน ท่านบอกว่า คาถาที่ได้จากกรรมฐาน เขาจะไม่บอกใคร เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2527 เวลา 23.59 น. องค์สมเด็จฯ ได้อนุญาตให้ลูกหลาน และพุทธบริษัทใช้ได้เป็นสาธารณะ เพื่อช่วยบรรเทาสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ อีกทั้งการก่อสร้างของวัดท่าซุง จะต้องเร่งรัดให้เสร็จทันฉลองวัดในปี 2532 จึงจำเป็นที่จะต้องใช้คาถาเหล่านี้ช่วย เพื่อพุทธบริษัท และลูกหลานของหลวงพ่อ มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น
พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
.............................................
ไปอ่านเจอที่เวบแห่งหนึ่ง เอามาโพสต์ให้สมาชิกในห้องเวบบอร์ดอ่าน คาถานี้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านนำมาเผยแพร่ บางคนใช้ได้ผล บางคนไม่ได้ผล วันนี้ลองมาอ่านดูว่า คนที่นำไปใช้ได้ผล เขาทำอย่างไร และคนที่นำไปใช้และไม่บังเกิดผล จะได้ทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่าเป็นเพราะอะไร
คาถาเงินล้านมีเรื่องเล่าให้ได้ชมกันครับ
โดยปกติแล้ว ก่อนหน้านี้ผมจะเป็นคนที่ใช้เงินมือเติบมาก (ก่อนหน้าที่ผมจะมาปฏิบัติกรรมฐานนี้ ถ้าหากว่าเพื่อนชวนไปเที่ยว กินเหล้าผมมักจะเป็นเจ้ามือทุกงวด ประมาณว่าใจปั้มว่างั้น เพื่อนเลยชอบมาชวนผมและอีกอย่างก็คือ ผมบ้าหวยมากครับ เล่นงวดล่ะเป็นหมื่นอบายมุขนี่ผมเล่นครบสูตรเลยครับ นักเลงการพนัน นักเลงสุรา นักเลงผู้หญิงแถมขี้เกียจตัวเป็นขน เรียกว่ า ชั่วแบบนรกต้องการครบสูตรเลยล่ะครับคนแบบผมน่ะ
แต่หลังจากที่มาปฏิบัติกรรมฐาน ผมก็เลิกเด็ดขาดเลยครับเรื่องพวกนี้มันไม่มีในสมอง แว๊บมาในความคิดเลย ไม่มีความอยากเลยแถมเหมือนตัวเองจะทำอะไรละเอียดละออขึ้น ขยันขึ้นทำงานมีขั้นตอนและเป็นระเบียบขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเหมือนกัน )ช่วงน้ำท่วมปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจแย่ ของก็ขายไม่ได้ เนื่องจาก คนซื้อไม่มีผมเอาเงินเก่ามาผลาญจนหมด แถมยังเป็นหนี้อีกบานเบอะไอ้ผมมันก็เข้าตาจนแล้วนี่ครับ ตอนนั้นติดหนี้อยู่ เป็นหลายแสน ทุกข์หนักหาที่ระบาย ไปกินเหล้า ไปเที่ยว ก็ยิ่งเครียดหนักเพราะตอนกินน่ะมันหายอยู่พักหนึ่ง แต่พอสร่างเมาเมื่อไรล่ะครับมันความทุกข์มันมาแบบดับเบิ้ล เงินทองหร่อยหรอ หน้าดำคร่ำเครียดไม่มีสง่าราคี เอ๊ย...!! ราศรีเอาซะเล้ย
แต่จะด้วยความโชคดีของผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมไปเจอเวปธรรมะที่มีธรรมะของหลวงพ่อ ผมเลยโหลด mp3 .ของหลวงพ่อมาฟัง ฟังไปฟังมาไปสะดุดอยู่ช่วงหนึ่ง ว่าใครภาวนาคาถาเงินล้านจนเป็นฌาน เรื่องเงินเรื่องทองจะไม่ขาดสนจะเหลือกินเหลือใช้ไอ้ผมก็หูผึ่งสิครับ...!! ก็ลองมันทุกวิธีทางแล้ว ยืมเพื่อนก็แล้ว ยืมใครก็แล้วธนาคารก็ยืมแล้ว เอาทุกวิธีแล้ว ชักหน้าไม่ถึงหลังเลยเอาวะ...!!เชื่อหลวงพ่อซักครั้ง ท่านคงไม่โกหกเราหรอกมั้งท่านเป็นพระนี่นา
เดิมทีก็ชอบฟังเรื่องของหลวงพ่อ ชอบฟังเรื่องเล่าของท่านแต่ตอนนั้นใจยังเลวมากไม่เอาธรรมะของท่านมาโยนิโสมนสิการ(พิจารณาโดยแยบคาย)ก็เนื่องจากท่าน เป็นพระไม่เหมือนใคร กล้าเล่าเรื่องโน่นเรื่องนี้ ผี เทวดา แบบพิศดาร แบบไม่กลัวใครจะว่าอย่างไรก็เลยชอบฟังเรื่องของท่าน แถมบางทียังคิดปรามาสท่านในด้วยนะครับประมาณว่า แหม๋...!หลวงพ่อองค์นี้ แหมโม้ได้เก่งจริงๆ (กราบอโหสิให้ลูกด้วยนะครับหลวงพ่อ) แต่ไม่รู้หรอกว่าท่านปฏิบัติ อะไรยังไงถึงได้ฌานสมาบัติ ทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้นเป็นพระอริยะเจ้าไม่ทราบเรื่องการตัดกิเลสหรือธรรมอันเป็นเครื่องตัดกิเลสที่ท่านพร่ำสอนเลยซักอย่าง (นี่ไงไอ้ความเลวของผม)สรุปที่สนใจหลวงพ่อนี่นะครับ เพราะความโลภและความคึกคะนองอยากพิสูจน์ของผมนั่นเอง ดูเอาเถิดครับ ไอ้ความระยำของผม..!
พอผมตั้งใจแล้วผมก็เลย ตัดสินใจ ท่องก่อนนอนทุกวันครับ วันล่ะเก้าจบไม่ให้ขาดเลยซักวันเช้าเย็น แม้วันไหนจะเหนื่อยแสนเหนื่อย แค่ไหนก็ตามเพราะอยากพิสูจน์คำพูดหลวงพ่อว่าจริงแท้แค่ไหน พอท่องก่อนนอนทุกวันก็เลยอยากรู้เรื่องของท่านเพิ่ม เลยศึกษาคำสอนของท่านจากนั้นก็เกิดความเลื่อมใส ก็เลยหัดนั่งสมาธิภาวนาด้วยตนเองศึกษาจากเทปคำสอนของท่านบ้าง ศึกษาจากหนังสือของท่านบ้าง
พอนั่งสมาธิ วันแรกก็เกิดปิติ แบบ ไม่เคยเป็นมาก่อน (ถ้าใครเคยอ่านเรื่องผมจะมีช่วงแรกๆผมเล่าถึงวันแรกที่ผมหัดนั่งสมาธิ แล้วเกิดปิติ)ทำให้เกิดความฮึดอย่างประหลาด และพากเพียร ในการปฏิบัติมาก คราวนี้ ทั้งสวดทั้ง นั่งภาวนา เดินภาวนา จัดหนักเลยครับ เรียกว่าไม่ให้จิตว่างเว้นจากคำภาวนาและองค์กสิณเลย จับภาพบ้างสลับกับการท่องคาถาเงินล้านมา(จับภาพพระ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ภาวนาคาถาเงินล้านลืมบ้าง ได้บ้าง ตามประสาคนสมาธิแย่น่ะครับ)ทำต่อเนื่องเกือบสองเดือน
ในช่วงที่ทำกรรมฐานนี่เอง จิตไม่มีความอยากไปเที่ยว ไม่อยากกินเหล้าแต่ก็ยังขายของ ส่งของให้กับลูกค้า ปกติก่อนหน้านั้นลูกค้าน้อยมากแปลกมาก! ผมภาวนาไปซักสิบห้าวัน มีออเดอร์สั่งเข้ามาเยอะจนผมทำไม่ทันต้องรับลูกน้องเพิ่ม เพียงเดือนกว่าๆ ผมปลดหนี้ เก่าที่ค้างไว้บานเบอะเกือบหมด! อัศจรรย์ใจแท้
แต่ยังก่อน! มีเรื่องอัศจรรย์กว่านั้นคือโดยปกติแล้ว ช่วงหลังๆผมจะละเอียดละออกับเรื่องเงินเป็นพิเศษ(เพราะเคยพลาดมาแล้ว)ฉะนั้นหลังขายของเสร็จผมจะนับเงินก่อนเข้าเซฟทุกครั้งซึ่งผมจะนับแบบละเอียดจริงๆ คือ นับสองรอบหลังจากนั้นก็จะนับก่อนจะเอาเข้าธนาคารอีกรอบหรือก่อนจะไปใช้อย่างอื่นอีกรอบ
มีวันหนึ่ง โดยผมนับเงินเสร็จ ผมก็จะแยกๆ แบงค์พัน แบงค์ห้าร้อยไว้ต่างหาก กับแบงค์ย่อยต่างๆ ผมจะนับเป็นปึกๆ ปึกละร้อย จากนั้นก็อาบน้ำ สวดมนต์ทำสมาธิและ นอนทำสมาธิจนหลับไปตอนเช้าผมก็มาเปิดเซฟเพื่อจะนับเงินก่อนจะนำเงินไปเข้าธนาคารหรือเอาไปจ่ายค่าลูกน้องอะไรซักอย่างนี่ล่ะ พอนับเงินปึกแรก แปลกใจเอ๊ะ...! ทำไมแบงค์พันมันเกินมาปึกละ ใบสองใบวะ?คิดในใจ ผมก็เลยนับใหม่ อีกสองรอบ
เฮ้ย...! เป็นไปได้ไง ยอดมันเกินมา เจ็ดพันเลย...!! เกินมาปึกละ สองใบบ้าง ปึกละใบบ้างก็เรานับสองรอบก่อนนอน แถมจดยอดทำบัญชีไว้แล้วนะ เงินมันออกดอกได้รึไงนี่อัศจรรย์แท้...!จะบอกว่าเรานับผิดก็ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าผิด ทำไมมันผิดเยอะจริง ผมแปลก ใจระคนกับอัศจรรย์ใจ แถมงงเป็นไก่ตาแตก จู่ๆเงินโผล่มาได้ไง ตั้งเจ็ดพันทำให้ผมหวนกลับไปทบทวนคำพูดของหลวงพ่อที่เคยบอก มันเป็นจริงทุกประการดั่งที่ท่านบอกจริงๆ
ท่านกัลยาณมิตรครับ ตลอดช่วงระยะเวลาเดือนกว่าๆที่ผม ทำทาน รักษาศีลและสมาธิภาวนา (แม้จะถือศีลครบบ้างไม่ครบบ้าง ทำทานบ้างไม่ทำบ้างและสมาธิก็งูๆปลาๆก็ตาม) เกือบสองเดือน ชีวิตผมดีขึ้นทันตาเพราะธรรมะหลวงพ่อ ผมเลิกอบายมุขทุกอย่าง ผู้คนรอบข้างมองผมดีขึ้นผมปลดหนี้ได้ แถมยังเหลือกินเหลือใช้ตามอัตภาพ ก็ด้วยอานุภาพของพระพุทธพระธรรม และพระอริยะสงฆ์อย่างหลวงปู่ปานและหลวงพ่อฤาษีฯ นี่เอง
แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์ใจเท่ากับที่คนเลวๆแบบผมจะมาสามารถยืนบนทางที่ถูกต้อง มีสัมมาทิฏฐิ ได้เข้าใจว่า ชีวิตมันไม่เที่ยงวัตถุธาตุต่างๆมันไม่เที่ยง แม้แต่ความรู้สึกของคนเราก็ยังไม่เที่ยงทำให้คนที่ใช้ชีวิตแบบประมาทอย่างผม ได้รู้ได้เห็นว่า เราต้องตายร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงมหาภูตรูปสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟที่ประกอบกันขึ้นมา เรายืมเขามาใช้ ถึงเวลา มันก็เน่าเปื่อยผุพังไปเราก็ต้องคืนธรรมชาติไป อันนี้สิ คือเรื่องอัศจรรย์และมหัศจรรย์ของจริง (อ่านมาถึงตรงนี้ ทุกท่านขอได้โปรดอย่าเข้าใจว่าผมบรรลุธรรมอะไรเลยนะครับจิตผมยังเลว ยังชั่ว ยังมีรักโลภโกรธหลง อยู่ทุกขณะจิต เพียงแต่เวลามันกำเริบ ผมจะเอาจิตไปตามดูตามรู้และระงับมันได้บางครั้งบางคราวแค่นั้นเอง)
ขออนุโมทนาผู้ที่นำประสบการณ์มาเล่าเพื่อเป็นธรรมทาน
ที่มา : http://www.จามเทวี.com/webboard/index.php?topic=480.0
หน้าที่เข้าชม | 2,696,078 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,096,461 ครั้ง |
เปิดร้าน | 27 ก.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 16 ส.ค. 2568 |