เขี้ยวเสือ
“เสือหลวงพ่อปาน” คือ เสือ ที่จัดสร้างโดยพระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ หรือหลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส หรือที่นิยมเรียกว่า “หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย” ตั้งอยู่ที่ ต.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ที่เรียกกันมาแต่โบราณว่าวัดบางเหี้ยนั้น เนื่องจากเดิมมีตัวเงินตัวทองอยู่มาก เพราะเป็นเขตน้ำกร่อย ปัจจุบันมีพระครูมงคลพิพัฒนคุณ เป็นเจ้าอาวาส
ความศักดิ์สิทธิ์อภินิหารของหลวงพ่อนั้น เป็นที่เลื่องลือกันทั่วไป เป็นพระอาจารย์ที่มีญาณแก่กล้าชื่อเสียงโด่งดังในสมัยรัชกาลที่ ๕ เครื่องรางของขลังของท่านเป็นที่เลื่อมใสศรัทธามาก และสืบเสาะหากันจนทุกวันนี้ ท่านคร่ำเคร่งทางวิปัสสนามากและธุดงค์อยู่เสมอ ด้วยคุณความดีและคุณธรรมอันสูงส่งของหลวงพ่อที่ประกอบขึ้นไว้ แต่ครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ ราษฎรในตำบลใกล้เคียง กระทั่งต่างอำเภอและต่างจังหวัด พากันเคารพนับถือและรำลึกถึงหลวงพ่ออย่างไม่เสื่อมคลาย
ส่วนกิตติศัพท์เรื่อง “เขี้ยวเสือ หลวงพ่อปาน” นั้น เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว อาทิ เมื่อครั้งมีการสร้างเขื่อนพระยาไชยานุชิต ที่คลองด่าน เพื่อกั้นกระแสน้ำทะเลไม่ให้ท่วมเรือกสวนไร่นาชาวบ้าน แต่กรมชลประทานไม่สามารถก่อสร้างได้สำเร็จสักที เพราะกระแสน้ำแรงมากและตีขึ้นมาตลอด หลวงพ่อปานเห็นแก่การขจัดความเดือดร้อนของผู้คน จึงทำการเสกเขี้ยวเสือขว้างลงไป ปรากฏว่ากระแสน้ำลดกำลังลงอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถกั้นสร้างเขื่อนได้สำเร็จ
“เขี้ยวเสือของหลวงพ่อปาน” นั้น แกะจากเขี้ยวเสือโคร่ง มีช่างที่แกะเสือแล้วเป็นศิษย์ท่านด้วยกัน ๕ คน แต่ละคนจะแกะไม่เหมือนกันซะทีเดียว และมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก นั่งปากเม้มหุบสนิท ตากลม ขาหน้าทั้งสองใหญ่ เล็บจิกลงบนพื้น ถ้าเป็นต่างจังหวัดก็จะมีช่างแกะคอย เวลาหลวงพ่อปานไปธุดงค์ก็จะให้ปลุกเสก ประการสำคัญ ให้ดูรอยจารใต้ฐาน ท่านมักจะจารเองเป็น “นะขมวด” ที่เรียกกันว่า ‘ยันต์กอหญ้า’ และตัว ‘ฤ ฤา’
แล้วลงเหล็กจารด้วยตัวเองปลุกเสกโดยใส่ “‘พระคาถาหัวใจเสือโคร่ง” ลูกศิษย์ลูกหาได้ยินท่านท่องว่า พยัคโฆ พยัคฆา สูญญา สัพติ อิติ ฮัมฮิมฮึม “วิธีจาร” ของท่าน ท่านจะจารตัว “อุ” มีทั้งหางตั้งขึ้นและลงที่ขาหน้า ส่วนใต้ฐานท่านจะจาร “ยันต์กอหญ้า” ถ้าเสือตัวใหญ่หน่อยท่านจะลงยันต์กอหญ้า ๒ ตัว ตรงข้ามกัน และลงตัว ฤ ฤา พร้อมตัวอุณาโลม บางตัวมีรอยขีด ๒ เส้นขนานกัน
เอกลักษณ์ของเขี้ยวเสือของหลวงพ่อปาน ในปัจจุบันก็คือ เสือหน้าแมว หูหนู ตาลูกเต๋า ยันต์กอหญ้า ซึ่งมีทั้งเสือหุบปาก และเสืออ้าปาก เขี้ยวต้องกลวง มีทั้งแบบซีกและเต็มเขี้ยว เขี้ยวหนึ่งอาจแบ่งทำได้ถึง ๕ ตัว ตัวเล็กๆ เรียก “เสือสาริกา” เป็นปลายเขี้ยว ส่วนใหญ่พบว่าเป็นซีก คนโบราณนิยมเลี้ยงไว้ในตลับสีผึ้งทาปาก มีพุทธคุณครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางเมตตา แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี แต่ที่เด่นที่สุดคือมหาอำนาจ
เสือหลวงพ่อปานในพระราชนิพนธ์ ร.๕
คติในการสร้างเสือของหลวงพ่อปานนั้น เรื่องราวของท่านมีปรากฏอยู่ในพระราชนิพนธ์ เสด็จประพาสมณฑลปราจิณ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ว่ามีรับสั่งกับหลวงพ่อปานว่า “ได้ยินชื่อเสียง และกิตติคุณมานาน เพิ่งเห็นตัววันนี้”
แล้วรับสั่งถามว่า “ที่แจกเครื่องรางเป็นรูปเสือมีความหมายอย่างไร?” หลวงพ่อปานทูลตอบว่า “ได้ไปรุกขมูลธุดงค์ในป่า พบเสือใหญ่หลายครั้ง สังเกตดูเห็นว่า “เสือ” เป็นสัตว์ปราดเปรียว ฉลาด ว่องไว เฉียบขาด มีตบะ และอำนาจ สามารถใช้ตาสะกดสัตว์อื่นให้อยู่ในอำนาจได้ คนทั่วไปเรียกผู้ร้ายใจฉกรรจ์ว่า “ไอ้เสือ” ก็คือเอาความเก่งกาจของเสือมานั่นเอง การที่ทำเครื่องรางรูปเสือมิใช่จะสนับสนุนให้คนกลายเป็น "อ้ายเสือ” เพียงแต่ต้องการเอาลักษณะของเสือจริงในป่าที่ปราดเปรียว ว่องไว เฉลียวฉลาด เฉียบขาดมาเป็นตัวอย่างเท่านั้น”
รัชกาลที่ ๕ ได้ฟังก็ทรงพอพระราชหฤทัยมาก จึงพระราชทานผ้าไตร ผ้ากราบแก่หลวงพ่อปาน และต่อมาพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ
อุปเท่ห์แห่ง “เสือ”
ตามคติความเชื่อของคนเล่นของเชื่อว่า “เสือ” เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจราชศักดิ์ สำแดงฤทธิ์ ทำให้เป็นที่คร้ามเกรง นับถือแก่ปวงชนทั้งหลาย ผู้ที่พกหรือใช้เครื่องรางประเภทเสือ ไม่ว่าจะเป็นเขี้ยวเสือแกะ ตะกรุดหนังเสือ ผ้ายันต์รูปเสือ รวมทั้งการสักยันต์ลายเสือ จะมีพุทธคุณเด่นด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด รวมทั้งมหาอุด ถ้าหากนำติดตัวไปหนทางใกล้ไกล หรือเดินทางเข้าป่าดงพงพี เผชิญฝูงสัตว์ร้ายและภูตผี จะมิกล้าทำอันตรายใดๆ เป็นคงกระพันมหาอุดและแคล้วคลาดเป็นที่สุด
เรื่องเล่า จากเขี้ยวเสือ
เสือหลวงพ่อปาน กับ หลวงพ่อนกเป็นอย่างไร โพสนี้ ขอแชร์เพื่อเป็นวิทยาทานกันดูนะครับ นับวันยิ่งรักและศรัทธาผู้ที่สร้างเครื่องรางของขลังชนิดนี้ เพราะรับคำสั่งดี ยิ่งกว่าหุ่นยนต์ อีกทั้งมีฤทธิ์สูง ไปไหนไม่ต้องกลัวสิ่งที่มองไม่เห็นเลยครับ เหมาะที่จะเป็น บอดี้การ์ด ในโลกแห่งจิตวิญญาณจริงๆครับเสือจากเกจิดังที่ถูกสร้างขึ้นมา เมื่อสื่อจิตจะพบว่า มีชื่อทุกตน คาดว่าหลวงพ่อท่านกำหนดจิตในการตั้งชื่อ นั่นแปลว่าท่านสร้างทีละตน ไม่ใช่การปลุกเสกรวม ซึ่งถือเป็นสัตว์กายสิทธิ์ ที่ทรงพลัง และ สง่างาม คู่ควรกับผู้มีบารมีแท้จริงครับ
“ พาฬ ”
เป็นเสือหลวงพ่อปาน ขนาดตัวเล็กกว่า สิงขร แต่มีกำลัง และอำนาจดุดันมาก ภาพเสือโคร่งตัวใหญ่กำลังยืนจ้องหน้า นัยตาน่าเกรงขาม ต้องการสื่อให้รู้ว่า ข้ามีอยู่จริง เป็นของแท้ แววตาอันน่าเกรงขาม ให้ความรู้สึกถึงพลัง และอำนาจในการปกป้องคุ้มภัยสูงเลยทีเดียว
หลวงพ่อปาน ท่านตั้งใจปลุกเสก ลงคาถา อาคม มิใช่หวังเพื่อเป็นการสะกดเอาดวงวิญญาณ เสือมากักขังเพื่อใช้เป็นบริวารอย่างใดไม่ หากเป็นท่านตั้งจิต มุ่งให้เสือที่ผู้ที่มีบุญฤทธิ์ สามารถล่วงรู้ได้ถึง ญาณสัมผัส ที่สื่อถึงพลังอำนาจ ในการช่วยปกป้องคุ้มกัน จากภยันตราย ที่จะเข้ามากร้ำกราย สิ่งไม่ดีที่เข้ามา จะเกิดความยำเกรง
“ ไพรชยนต์ ”...เสือลาดพาดกลอนตัวมหึมา เจ้านี่ห้าวหาญนัก มันเก่งฉกาจสมตัวจริง ดัก จับ กลืนกิน ขย้ำดักจับเอาวิญญาณร้าย มานักต่อนัก (ในร่างนี้มีแต่เหล่าดวงวิญญาณ ไม่ดีปะปน ถือได้ว่า สามารถป้องกันสิ่งไม่ดี สิ่งชั่วร้าย พุทธคุณปกป้องกันภัยจากสิ่งเร้นลับ แคล้วคลาด กรงเล็บ และเขี้ยวอันแหลมคม สามารถคุ้มกันภัย ผู้ที่ได้ครองครอง หากเดินทางไกล ไปในสถานที่ จำแลง จักรอดปลอดภัย มันกุมอยู่น่ะ เก่งเอาการอยู่ เล้นลับหลากพันธุ์ อยู่ใต้อาณัติ
หลวงปู่ปานท่านมาปรากฏให้เห็นว่าท่านเป็นผู้สร้าง ชัดเจนเห็นหน้าเด่นตระหง่าน ต้องตา บอกคุณูปการ
" คันธสร "
เสือหลวงพ่อปาน
“ สิงขร ”
เป็นเสือหลวงพ่อนก (ศิษย์หลวงพ่อปาน) เสือลายพาดกลอนตัวใหญ่มหึมา หน้าตาใจดีมีเมตตาบารมี
*** ไม่แน่ใจว่า ทำไปเสือหลวงพ่อปานที่เป็นอาจารย์ ถึงมีตัวเล็กกว่า ของหลวงพ่อนก (ทดสอบดูจากหนังสือตำราครู ก็พบว่ามีตัวเล็กกว่า) หรืออาจจะเป็นที่ วัตถุที่นำมาแกะสลัก หลวงพ่อนก ท่านเอาทั้งเขี้ยวมาทำ...อันนี้คิดเอาเองนะครับ
" สูร "
นักรบ ผู้กล้าหาญ
หลวงพ่อปาน ใช้ ญาณประสิทธิอัญเชิญองค์ครูปู่ฤาษีมาร่วมในการปลุกเสก เสือตนนี้มีแผงคอสั้น ขนสั้น วัยหนุ่ม กายล่ำสัน มีลักษณะห้าวหาญ ดวงตาเล็กลักษณะเหมือนในรูป" เธียร "
เสือหลวงพ่อปาน ฉลาด มั่งคง ภักดี ลักษณะ แกร่งกล้า เป็นนักสู้ เชื่อฟังคำสั่ง ฝีมือดีนะ ปราดเปรื่อง เป็นที่น่ายำเกรง
เรื่องราว ของ " เสือ "
เวลาไปไหนมาไหน จะเดินตามดังเงาตามตัว จึงไม่แปลกที่ ผีวิญญาณร้าย สิ่งที่ไม่ดี คงไม่กล้าเข้ามาใกล้ รวมทั้ง สัตว์มีเขี้ยวก็ต้องยำเกรงบารมี ทุกครั้งที่มีการออกคำสั่ง แม้เพียงจิตนึกคิด หากอยู่คนละสถานที่กัน จะกระโดดมาช่วยทันที (เหมือนข้ามมิติได้) แต่ถ้าอยู่ในบ้านไม่มีภัยอันตรายใดๆ จะเห็นเป็นการเดินทางอย่างช้าๆ ของเสือเหมือนในสารคดีนั่นแหละครับ แต่ไม่เคยขัดคำสั่งสักครั้ง เรียกได้ว่า ไม่ได้มีจิตเป็นปัจเจก เหมือนกุมารทอง เพราะเกิดจากการสร้างขึ้นด้วยพุทธาคมของผู้สร้าง เป็นเสือธาตุกายสิทธิ์ ที่ไม่มีวันตายหรือเกิดใหม่ ดังนั้นไม่ต้องทำบุญอะไรให้ สร้างแค่บารมีเจ้าของเอาตัวเองให้รอดก็พอ เพราะสิ่งที่เดียวสัตว์กายสิทธิ์เหล่านี้ ป้องกันไม่ได้คือ เจ้ากรรมนายเวร
ผมเคยมีหลานสาว ขับรถอยู่ดีๆ ก็มีผีตายโหงโดดขึ้นมานั่งกันเต็มรถจนรถหนักขับแทบจะไม่ได้ อีกทั้ง พยายามจะสิงร่างเพื่อ บังคับให้ขับรถ ลงข้างทางหรือชนกับสิบล้อให้ได้ กะว่าจะเอาไปอยู่ด้วย ... เรียกได้ว่า รู้ตัวอีกที ก็เหยียบ 140 ข้างรถจะสีกับสิบล้อแล้ว แต่บุญเก่าก็ยังพอมี จึงพยายามประคองรถ ให้จอด และโทรเรียกพ่อแม่ ประชุมสายให้พี่น้องได้ช่วยกันปลุกเตือนสติให้รู้ตัว ไม่ให้ขับรถต่อ และเดินทางมาช่วยได้ทัน ... วินาทีนั้น ผมถึงเข้าใจว่า พวกสิ่งเร้นลับ วิญญาณผีตายโหง คุณไสยนั้น มีอยู่รอบตัวเรา เต็มไปหมด...ถ้ามีเสือติดรถคงอุ่นใจน่าดู เพราะท่านจะมีเสือนั่งโดยสารไปด้วยทุกครั้ง บางครั้งก็อยู่บนหลังคา บางครั้งก็อยู่หลังรถ หรือหากจะไปพักค้างแรมที่ไหน ที่เคยมีประวัติ มีคนตายผีดุแค่ไหน ผมเชื่อว่า หากมีเครื่องรางของขลังที่มีฤทธิ์สูงอย่าง เขี้ยวเสือ ของหลวงพ่อปาน หรือหลวงพ่อนก รับประกันว่า นอนหลับสบาย เพราะเค้าจะคอยเฝ้าเจ้านายอยู่อย่างนั้นไม่ให้คลาดสายตาเลยทีเดียว ใครนึกไม่ออกก็อยากให้จินตนาการว่า มีเสือโคร่งนอนหมอบอยู่ข้างๆตัวนั่นแหละครับ ผีที่ไหนมันจะกล้ามายุ่ง....
ดังนั้นต่อให้ผีดุหรือแรงแค่ไหน ก็ต้องเกรงบารมีเสือกายสิทธิ์เหล่านี้แน่นอน แต่ก็หาใช่ว่าเป็นวิญญาณเสือ หรือผีเสือนะครับ เขี้ยวก็แค่วัตถุของอาถรรพ์ แต่ไม่ใช่เอาวิญญาณเสือตัวนั้นมาขังไว้ใช้งานนะครับ หลวงพ่อท่านสร้างขึ้นใหม่เลยน่ะครับ พวกนี้ไม่มีจิตใจ เป็นเหมือนหุ่นยนต์รับคำสั่งอย่างเดียว (มีบ้างตอนคุยกัน ก็จะอ้าปากร้องหง่าๆ รับคำเท่านั้น ดูน่ารักดีครับ) ดังนั้น อารมณ์วิ่งเล่นรอบบ้าน จนคนในบ้านกลัวเหมือนกุมารทอง จะไม่มีเด็ดขาด ส่วนผู้ที่ออกคำสั่งได้ก็คือเจ้าของคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นก็ตกลงกันให้ดีว่าใครจะเป็นเจ้านาย ส่วนผมเองเช่าบูชา ให้คนในครอบครัวคนละตัวเลยครับ คุ้มค่า แถมคุ้มครองได้ตลอดชีวิต ไปไหนมาไหน เสือวิ่งกันเป็นฝูง ผีวิญญาณที่ไหนจะกล้าเข้ามายุ่ง แม้คนในครอบครัวจะห่างไกลกันก็อุ่นใจได้เพราะมีเสือคอยอารักขาแทน ไม่มีผีหรือสิ่งอัปมงคลที่ไหนกล้าลองดีแน่นอนครับ ส่วนเรื่อง อำนาจ อันนั้นผมให้เป็นประเด็นรอง เพราะตัวเราของเรา แต่ก็อาจจะช่วยตรงที่ทำให้เกิดความมั่นใจ เมื่อมั่นใจเป็นทุน ก็มักจะทำอะไรออกมาได้ดีกว่าคนที่ขาดความเชื่อมั่นแน่นอนครับ ก็ขึ้นอยู่ว่าจะเอาไปใช้อะไรต่อ ส่วนผมเห็นแบบนี้ ก็แนะนำตามที่เห็นครับ
และนี่ก็เป็นประสบการณ์ส่วนตัว ที่สัมผัสทางจิตของข้าพเจ้า สามารถมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยเสมือนตาเนื้อ เลยอยากบอกเล่าถึงภาพที่เห็นว่า เขี้ยวเสือนี้ มีคุณประโยชน์ และขลังมากจริงๆ อย่าไปคิดว่าเป็นของเสือที่ตายแล้วดูน่ากลัว แต่แท้จริง เป็นของดีที่ควรจะมีไว้ติดตัว ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุให้ วัตถุมงคลชิ้นนี้คือ อันดับหนึ่งของวัตถุมงคลประเภทเครื่องรางของขลัง ซึ่งมีราคาหลักแสนหลักล้านบาทต่อชิ้นเลยทีเดียว เพราะเคยมีคนซื้อขายกันถึง 8 ล้านบาท ไม่แพ้พระสมเด็จกันเลยครับ และที่สำคัญเสียเงินแล้ว เป็นของจริงหรือไม่ อันนี้คงต้องดูกันอีกที ส่วนถ้าใครอยากได้ของจริง โดยที่ไม่ต้องลุ้น เพราะเสือแกะสลักนี้ ไม่เหมือนกันสักชิ้น หลวงพ่อทำออกมาน้อย แถมของใหม่ก็ทำเลียนแบบเยอะแยะเต็มไปหมด งานจินตนาการก็ต้องให้เซียนต่างๆเป็นผู้ช่วยในการสร้างความเชื่อมั่น
... แต่สำหรับผมเองไม่ต้องรอลุ้นจินตนาการจากใคร เพราะภาพที่มองเห็นคือหลวงพ่อปาน ท่านสร้าง ปลุกเสก เจ้าของเก่าที่ครอบครอง รูปพรรณสัณฐาน ขนาด สีขน หรือแม้แต่ชื่อของเสือตนนั้นก็สามารถตอบได้ เพราะมันชัดเจนมากครับ ... เหตุเพราะเป็นวัตถุธาตุที่มีพลังงานสูงงานมากๆ จึงเร็วต่อการสัมผัสเพียงแค่ไม่กี่วินาที แม้เห็นจากภาพทางสื่อต่างๆ ก็สามารถตอบได้ทันที ว่าของจริงหรือไปโดยไม่ต้องส่อง เรียกได้ว่าน้ำตาไหลพรากทุกครั้งที่เจอของแท้เลยทีเดียว เพราะพลังงานที่หลวงพ่อปาน ท่านอธิษฐานจิตสร้างนั้น มากเหลือเกินครับ ไม่แปลกใจเลยที่ตำราเค้าร่ำลือกันว่า หลวงพ่อท่านปลุกเสกจนเสือกระโดดออกจากบาตรได้ เป็นอันถือว่าสำเร็จ
.... แต่ขอออกตัว ณ ที่นี้ว่า ไม่รับดูทั่วไปนะครับ เหตุเพราะทุกครั้งที่ดู จนเกิดการล่วงวาระกรรมกัน ผมเองจะปวดหัวมาก นั่นเป็นการเตือนของครูบาอาจารย์ ว่าไปล่วงวาระกรรมไม่ได้ เพราะมูลค่าของวัตถุชนิดนี้มีราคาสูงมากในตลาด คนบางคนซื้อมาหลักแสนหลักล้าน แต่ถ้าไม่ใช่ของแท้ ผมเองก็คงโดนยิงเอาง่ายๆ เพราะปากไม่ดี กรรมตกถึงผมทันที ... ดังนั้นถ้าจะถาม แบบส่งๆรูปมาผมขออนุญาตยังไม่ตอบ เปลี่ยนเป็นเข้ามาคุยกันจนสนิทใจในเจตนา ค่อยสอบถามรึกันครับ ผมดูเป็นเคสบายเคส เพราะมันเห็นเร็วมากครับ ไม่ถึง 3 วิ ผมติดกรรมทันทีถ้าคำตอบไม่ได้ดั่งใจ ส่วนใครที่สนใจอยากได้ของแท้ ก็ลองเข้ามาคุยกันดูครับเพราะผมจับเสือ(ของจริง)ได้ ...ไม่ใช่เรื่องยาก ^^
แต่ขอบอกเลยว่า ของมากบารมี อีกทั้งมีจำนวนน้อย เค้าจึงเลือกคนอยู่ด้วยเช่นกันครับ ใช่ว่ามีเงินแล้วจะสามารถครอบครองเสือของหลวงพ่อปานได้ ต้องอธิษฐานจิต และมีบุญสัมพันธ์กับหลวงพ่อท่านพอสมควรครับ เวลาแผ่เมตตาให้ครูบาอาจารย์ ก็ให้นึกถึงท่านเป็นเสมือนครูอาจารย์ บ่อยๆ ไม่นานก็คงได้พบเสือที่คู่บารมีได้แน่นอนครับ
เขี้ยวเสือของหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย จะต้องทำจากเขี้ยวเสือ
อย่างเดียวเท่านั้น จะไม่ใช้เขี้ยวชนิดอื่นๆ จะมีทั้งเต็มเขี้ยวและเขี้ยวซีก มีคุณสมบัติทึบแสง เขี้ยวเสือต้องกลวง เขี้ยวเสือกลวงจะมีอำนาจ ในตัวมาก บางท่านเรียกเขี้ยวโปร่งฟ้า เป็นเขี้ยวของพญาเสือโคร่ง มีอำนาจมาก มีตบะมาก แค่จ้องสัตว์อื่น สัตว์อื่นจะเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่
TEL : 093-2424-954
LINE : @lucky4u
หน้าที่เข้าชม | 2,696,275 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,096,658 ครั้ง |
เปิดร้าน | 27 ก.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 16 ส.ค. 2568 |