ฟอสซิลหอยแอมโมไนต์ (Ammonite)
เป็นฟอสซิลของสัตว์ประเภทนอติลอยด์ชนิดหนึ่ง มนุษย์ในอดีตพบมันมานานแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร มนุษย์ในยุคนั้นคิดว่ามันเป็นซากของงู ที่ตายและคดตัวเป็นวงกลม แอมโมไนต์พบได้หลายที่บนโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย มันมีอยู่หลากหลายชนิด และพบได้ทั่วไปในทะเลดึกดำบรรพ์ สัตว์ในกลุ่มนี้ได้สูญพันธุ์ไปพร้อมกับไดโนเสาร์ เมื่อ 65 ล้านปีก่อน ในช่วงปลายยุคครีเทเชียส แอมโมไนต์วิวัฒนาการไปเป็น ปลาหมึก หอย และ หอยงวงช้าง
แอมโมไนต์ เกิดจากการแทรกและรวมตัวของซากแอมโมไนท์ กับหินอะราโกไนต์(Aragonites) นอกจากนี้อาจมีซิลิกา, แคลไซต์, ไพไรต์และแร่ชนิดอื่นๆ ได้ขึ้นอยู่กับสภาวะการเกิดและคุณสมบัติของแหล่งที่มันเกิดขึ้น
คำว่า "แอมโมไนต์" มาจากคำว่า อัมโมน ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าของอียิปต์ซึ่งมีเขาที่ม้วนขดเหมือนแกะ เดิมเป็นเทพเจ้าของชาวลิบโบน(ชนเผ่าโบราณในประเทศเอธิโอเปีย) แต่ภายหลังได้รับการสักการะทั้งในอียิปต์และบางส่วนของกรีก
ความเชื่อ
แอมโมไนท์เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ดูดซับพลังงานจากโลกที่มีพลังในการบำบัดมาก รูปร่างเกลียวเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง มันได้ดูดซึมพลังงานจากโลกมาตลอดช่วงเวลา ทำให้สามารถช่วยกระตุ้นพลังภายใน (พลัง "ชิ"(Chi)) เก็บมันอยู่ในบ้านเพื่อดึงดูดความเจริญรุ่งเรือง สุขภาพและความสำเร็จ
ความสมบูรณ์ ภูมิปัญญา และความรู้เป็นลักษณะสามอย่างที่ดีที่สุดที่เกี่ยวข้องกับแอมโมไนท์ หินชนิดนี้มักใช้โดยนักอัญมณีบำบัด และครูฮวงจุ้ยเพื่อนำมากระตุ้นความสามารถในตัวเอง
พลังของหินก้อนนี้จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจในการสร้างสรรค์ และการเปลี่ยนแปลง การวิวัฒนาการ
จะแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของคุณได้อย่างไรในทางกายภาพและทางจิต
นอกจากนี้แอมโมไนต์ถูกใช้เป็นเครื่องรางเพื่อกันงู รักษาอาการศีรษะล้านและมีบุตรยาก
ในด้านการรักษา เชื่อกันว่าช่วยแก้ปัญหาสุขภาพ เช่น ความดันโลหิต และอาการผิดปกติจากการเสื่อม เช่น การเสื่อมในหูและปอด
คตหอย Ammonite นั้นมีสัดส่วนศักดิ์สิทธิ์ และการหมุนในทิศทักษิณาวรรต หรือทิศอันเป็นมงคล ดังนั้นจึงมีคติความเชื่อว่าคตหอยนั้นเกิดจากการจุติลงมาของเทพเทวดาจากสรวงสวรรค์เพื่อลงมาสร้างบารมีในโลกมนุษย์โดยอาศัยสิ่งที่เป็นตัวแทนต่างๆเพื่ออาศัย ยิ่งวัตถุนั้นมีความแข็งแรงและผ่านกาลเวลามานับล้านปี ยิ่งมีตบะและบารมีมาก หากคตหอยได้เลือกที่จะอยู่กับใครแล้วจึงเชื่อว่าจะนำพาความสุขความสมบูรณ์แบบทั้งทางโลกและทางธรรมมาสู่ผู้ที่ครอบครอง
ว่ากันเรื่อง "ฮวงจุ้ย" ทุกคนคงคุ้นกับคำว่า "ชี่" หรือพลังชี่กันพอสมควร เพราะพลังชี่เป็นพลังจักรวาลที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับชีวิตเราไปจนกว่าเราจะหมดลมหายใจ
ชี่ ก็คือ สภาพแวดล้อมโดยรวมที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้อยู่อาศัย และผู้เกี่ยวข้องทุกคน
ชี่ (Chi) เปรียบได้กับ พลังงานแห่งชีวิต (Energy of life)
คำว่า “ พลังชีวิต” นี้ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ชีวิตของมนุษย์เรา หรือชีวิตของสัตว์ของพืชเท่านั้น แต่คำว่า “ชีวิต” ในนัยยะนี้ มองสรรพสิ่งในจักรวาลว่ามีชีวิตและมีชี่ของตัวเอง จักรวาลก็มีชีวิตของจักรวาล มีชี่ของจักรวาล ดวงดาวแต่ละดวงก็มีชีวิตและมีชี่ของตัวเอง มนุษย์ทุกคน สัตว์ทุกตัว ต้นไม้ทุกต้น ก้อนหิน แม่น้ำ ก้อนเมฆ แม้กระทั่งวัตถุสิ่งของ ทุกสิ่งทุกอย่างมีชีวิตและมีชี่ไหลเวียนอยู่ในตัวเองทั้งสิ้น
ชี่เป็นพลังงานที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา ชี่ของสิ่งหนึ่งจะแลกเปลี่ยนถ่ายโอนสลับที่กับชี่ของอีกสิ่งหนึ่งเสมอ "สรรพสิ่งในจักรวาลนี้ ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง ไม่มีอะไรไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรไม่เชื่อมโยงกัน และไม่มีอะไรไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน"
หากกระแสชี่ไม่สามารถไหลเวียนได้อย่างปลอดโปร่งทั่วถึงทุกมุมของบ้าน ผลที่ตามมาคือ ชีวิตมักมีเหตุขลุกขลัก ติดขัด อยู่เป็นอาจิณ โชคลาภยศจะเสื่อมถอย ความดีงามต่างๆ จะสูญหาย อาจเกิดเหตุเภทภัย หรือถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ ที่หนักที่สุดก็คือ สุขภาพเริ่มเสื่อมโทรม หรือครอบครัวแตกแยกไม่มีความสุข
ความเชื่อของ แอมโมไนต์ กับพระวิษณุ
ในประเทศอินเดีย ฟอสซิลหอยแอมโมไนต์เป็นสัญลักษณ์ของพระวิษณุ และใช้ในพิธีต่างๆ ของพวกเขา ฟอสซิลส่วนใหญ่จะเก็บจากในประเทศเนปาล ที่บริเวณก้นของแม่น้ำกันดากิ(Gandaki) โดยฟอสซิลเหล่านี้เรียกว่า "shaligram shila"
หินศาลิคราม (อังกฤษ: Shaligram) คือ หินฟอสซิลที่มีหอยแอมโมไนต์อยู่ด้านใน ซึ่งเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์มานานแล้ว ลักษณะส่วนใหญ่ที่พบจะมีสีดำ ในประเพณีศาสนาฮินดูศิลานี้เป็นอวตารแห่งพระนารายณ์ในชมพูทวีปและศิลานี้นั้นจะพบในแม่น้ำคัณฑกีหรือแม่น้ำนารัมทาเท่านั้น โดยในศิลามีลายคล้ายจักรสุทรรศน์อาวุธที่สำคัญอันเป็นสัญญาลักษณ์ของพระวิษณุ ซึ่งปกติโดยทั่วไปประเพณีศาสนาฮินดูโดยเฉพาะในสายลัทธิไวษณพจะทำการบูชาศิลาศาลิครามนี้คู่กับสังข์และวฤนทาเทวี(ต้นตุลสี)
วะชิระ สัมปันณู
วะชิระ คือ ความแข็งแกร่งมิอาจทำลายได้ และหมายถึง พระวัชรสัตว์ หัวหน้าแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย หรือพระผู้ไร้เบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด (พระเจ้า)
สัมปันณู คือ สัมมมา = ความดี ความชอบ , ปัน = หมุนเวียน , อณู = ส่วนละเอียด น้อยมาก
คุณสมบัติ : รูปธรรมเพื่อใช้ดูด และ ปล่อยพลังงาน ที่ได้จากดาวต่างๆ ทางเข้าออกของพลังงาน
วะชิระ สัมปันณู เมื่อรวมแล้วจึงหมายถึง สิ่งแรกสุดที่มีความแข็งแกร่งเป็นที่หนึ่ง มิอาจถูกทำลายได้ และหมุนเวียนนำมาซึ่งทุกสรรพสิ่งแห่งความเจริญไม่มีที่สิ้นสุด
หากเข้าใจให้ลึกซึ้งก็จะพบอนุภาคพลังงานบวกแห่งความสมบูรณ์แบบ นั่นก็คือพระคุณของพระพุทธเจ้าที่พุทธศาสนิกชนได้สวดกันจนคุ้นเคยที่ว่า วิชชาจรณสัมปันโน ซึ่งแปลว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ อันได้แก่เป็นผู้ทรงความรู้และปฏิบัติตามความรู้นั้นด้วย . . .
อุปเทห์ การใช้งาน
วชิระสัมปันณู หรือจักรพระนารายณ์ หมุนเวียนในทิศทักษิณาวรรตเพื่อดึงดูดอนุภาคพลังงานบวก ความสมบูรณ์แข็งแรง ความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ผู้ที่ศรัทธา และ หมุนเวียนในทิศอุตรวรรตเพื่อคุ้มครองป้องกันทำลายสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย
โดยใช้ร่วมกับการสวดมนต์เจริญภาวนา
หมุนเข้า ตามทิศทักษิณาวรรต เวียนขวาตามเข็มนาฬิกา
ดูดพลังงานสิ่งมงคล พลังงานจากดวงดาวต่างๆ เข้าสู่ศูนย์กลาง ใช้กับการเดินทาง ติดต่อค้าขาย ติดตัว ดึงดูดสิ่งมงคลเข้าอยู่ตัว เหมาะสำหรับพบติดตัวเดินทาง
หมุนออก ตามทิศทักษิณาวรรต เวียนขวาตามเข็มนาฬิกา
ปลดปล่อยพลังงานชี่จากจักรวาลที่สั่งสมไว้นับล้านปี แลกกับบุญมหากุศลที่บุคคลบูชา ใช้สำหรับวางในสถานที่ ช่วยให้เกิดความเป็นมงคล สุขภาพแข็งแรง รักษาโรค เกิดโชคดี เหมาะสำหรับตั้งบูชาในสถานที่ บ้านอาศัย โต๊ะทำงาน หัวเตียงนอน
คำอธิษฐาน " ขอพลังความสมบูรณ์แบบมาเยียวยารักษากายสังขาร ให้กลับคืนสู่ความเป็นปกติ "
ปล.กฏของพลังงานนั้นมีผู้ส่งและผู้รับ และย่อมต้องเกิดจากการแลกเปลี่ยน การสวดมนต์ เจริญภาวนา และการสร้างพลังงานบวก คือแรงสั่นสะเทือนที่สามารถปลดปล่อยพลังงานแห่งจักรวาลที่สั่งสมมานับล้านปีออกมาได้
คาถาจักรพระนารายณ์ ใช้สำหรับการสวดบูชา " วชิระ สัมปันณู "
" สุเมรุ นารายัสสะ จักราวุธธัง นะโมพุทธายะ มหาปารมี ภะวันตุเม "
หน้าที่เข้าชม | 2,697,665 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,098,048 ครั้ง |
เปิดร้าน | 27 ก.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 16 ส.ค. 2568 |